8 พฤศจิกายน 2567
ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่กำลังเป็นที่นิยมบนท้องถนน ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปจากพลังงานฟอสซิลยังคงเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย
ในการหารือระหว่าง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ เรเน่ แกฮาร์ด ประธานและซีอีโอ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้พูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ซึ่งกำลังเผชิญภาวะชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายแสดงความกังวล
เอกชนจึงเสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาปรับลดเงื่อนไขการผลิตขั้นต่ำในเขตประกอบการเสรี (Free zone) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ทางกระทรวงฯ ได้รับข้อเสนอและจะนำไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณามาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยร่วมกันต่อไป
การสนทนากับผู้บริหารเมอร์เซเดส–เบนซ์
ในส่วนของ ซากรี ซาร์ดีน หัวหน้าฝ่ายการตลาดและการขายต่างประเทศ บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ เอจี จากเยอรมนี และ มาร์ทิน ชเวงค์ ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้เข้าพบเพื่อรับฟังนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยได้หารือถึงความกังวลเกี่ยวกับเงื่อนไขการผลิตในเขตประกอบการเสรี (Free zone) ซึ่งปัจจุบันยอดขายรถยนต์ในไทยลดลง ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์หรู (Premium Brand) อย่างมาก
ทางกระทรวงอุตสาหกรรมรับทราบปัญหาและจะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อแผนการลงทุนและการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์สมัยใหม่ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม
การพัฒนาและลงทุนในภาคอุตสาหกรรมของนิสสัน
สำหรับฝั่งผู้ผลิตจากญี่ปุ่น โทชิฮิโระ ฟูจิกิ ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ เอเซีย แปซิฟิค และประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้นำเสนอข้อมูลการดำเนินงานในประเทศไทย ซึ่งบริษัทฯ ได้ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในจังหวัดสมุทรปราการ โดยมีกำลังการผลิตรวม 240,000 คันต่อปี ครอบคลุมรถยนต์ 4 รุ่น ได้แก่ Almera, Kicks, Navara, และ Terra
นอกจากนี้ นิสสันยังได้ขยายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicle: HEV) และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีมูลค่าการลงทุนรวม 10,960 ล้านบาท เพื่อผลิตรุ่น e-Power ซึ่งเดิมมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น บริษัทฯ ตั้งใจจะรักษาฐานการผลิตในไทยและพร้อมปรับตัวตามทิศทางนโยบายของรัฐ
กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการรักษาความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งในส่วนของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้า โดยคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน เนื่องจากทั้งสองประเด็นจำเป็นต้องดำเนินงานร่วมกันอย่างสมดุล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
“กระทรวงอุตสาหกรรมยินดีที่จะรับฟังข้อจำกัดและอุปสรรคจากการประกอบการ เพื่อนำมาหารือร่วมกันและกำหนดแนวทางในการแก้ไขอย่างยั่งยืน ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์แห่งอนาคตที่สำคัญต่อไป”
แหล่งที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1152656