เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินในที่อับอากาศ เช่น ผู้ปฏิบัติงานหมดสติเนื่องจากขาดออกซิเจน หรือมีการรั่วไหลของก๊าซพิษ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมักเผชิญกับคำถามสำคัญในวินาทีนั้นว่า “ใครควรลงมือก่อน?” การตอบสนองอย่างถูกลำดับ ไม่เพียงช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ประสบเหตุ แต่ยังลดความเสี่ยงที่จะมีผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นจากความเข้าใจผิดหรือการเข้าไปช่วยโดยไม่มีการเตรียมพร้อม
วันนี้ผมจะพาผู้อ่านเจาะลึกถึงบทบาทของบุคลากร 4 กลุ่มหลักที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในพื้นที่อับอากาศ ได้แก่ ผู้อนุญาต ผู้ควบคุมงาน ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ช่วยเหลือฉุกเฉิน
บทบาทของผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุฉุกเฉิน
ตำแหน่งหน้าที่ | บทบาทหลัก | การลงมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน | ต้องอบรมหรือไม่ |
---|---|---|---|
ผู้อนุญาต (Entry Supervisor) | อนุญาตและตรวจสอบแผนงาน | ประสานหยุดงาน แจ้งเหตุ และติดต่อหน่วยกู้ภัย | ✅ |
ผู้ควบคุมงาน(Attendant/Watcher) | เฝ้าระวังหน้าปากทางเข้า | แจ้งเตือน ควบคุมสถานการณ์ แจ้งเหตุทันที | ✅ |
ผู้ปฏิบัติงาน (Entrant) | เข้าไปทำงานภายในพื้นที่ | พยายามออกมาด้วยตนเอง ถ้าสามารถ | ✅ |
ผู้ช่วยเหลือฉุกเฉิน (Rescuer) | เข้าไปช่วยเหลือเมื่อได้รับอนุญาต | ปฏิบัติตามแผนกู้ชีพ เฉพาะเมื่อมีอุปกรณ์และความพร้อม | ✅ |
✅ หมายถึง ต้องผ่านการอบรมตามที่กฎหมายกำหนด
ลำดับความสำคัญในการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน ที่อับอากาศ
-
ผู้ควบคุมงาน จะเป็นคนแรกที่ตรวจพบเหตุการณ์ เนื่องจากมีหน้าที่เฝ้าระวังนอกพื้นที่
-
ผู้อนุญาต จะรับการแจ้งและประเมินสถานการณ์ ร่วมกับตัดสินใจหยุดงาน/เรียกหน่วยช่วยเหลือ
-
ผู้ช่วยเหลือฉุกเฉิน จะเข้าไปภายใต้แผนกู้ชีพเท่านั้น หากมีความปลอดภัยและพร้อม
-
ผู้ปฏิบัติงาน ควรได้รับการอบรมให้รู้วิธีเอาตัวรอดเบื้องต้นหากยังไม่หมดสติ
สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง คือ การที่ ผู้ควบคุมงานหรือผู้ไม่ได้รับการอบรม เข้าไปช่วยเหลือโดยไม่มีแผนหรืออุปกรณ์ เพราะมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้ประสบภัยเพิ่ม
การอบรมที่อับอากาศตามกฎหมายปี 2564: ปัจจัยเสริมสร้างความปลอดภัย
ประกาศกฎหมายอบรมที่อับอากาศ พ.ศ. 2564 ได้กำหนดให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กำหนด โดยแบ่งตามบทบาท ดังนี้:
-
ผู้อนุญาต และ ผู้ควบคุมงาน: ต้องผ่านหลักสูตรความรู้และบทบาทความรับผิดชอบในการบริหารจัดการ
-
ผู้ปฏิบัติงาน: ต้องได้รับการฝึกฝนในการใช้อุปกรณ์ การทำงานอย่างปลอดภัย
-
ผู้ช่วยเหลือ: ต้องผ่านการอบรมด้านการกู้ชีพในที่อับอากาศโดยเฉพาะ
ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2564 ได้กำหนดว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานในที่อับอากาศ ต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ระบุไว้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บุคลากรทุกระดับสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ตามหน้าที่ของตนเอง
บทบาทหน้าที่ | ต้องอบรมหลักสูตร | ระยะเวลา |
---|---|---|
ผู้อนุญาต | อบรมบทบาทตามประกาศฯ | 6 ชั่วโมง |
ผู้ควบคุมงาน | อบรมบทบาทตามประกาศฯ | 6 ชั่วโมง |
ผู้ปฏิบัติงาน | อบรมความปลอดภัย + เทคนิคเฉพาะ | 12 ชั่วโมง |
ผู้ช่วยเหลือ | อบรมการกู้ชีพในที่อับอากาศ | 18 ชั่วโมง + ฝึกภาคสนาม |
👉 อ่านสรุปเต็มของประกาศกฎหมายได้ที่นี่: สรุปกฎหมายอบรมที่อับอากาศ 2564
สรุป
เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินในที่อับอากาศ การจัดลำดับหน้าที่และบทบาทในการตอบสนองจึงต้องอาศัยแผนงานและความรู้ที่มาจากการอบรมตามกฎหมายอย่างถูกต้อง บุคคลที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องทุกตำแหน่ง จำเป็นต้องเข้าใจบทบาทของตนเองอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการสูญเสียเพิ่มเติม และเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในระบบงาน
เอกสารอ้างอิง
-
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2564). ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการฝึกอบรมการทำงานในที่อับอากาศ พ.ศ. 2564
-
สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยฯ. (2565). คู่มือความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ
-
Occupational Safety and Health Administration (OSHA). (2021). Confined Spaces – Emergency Response and Rescue Requirements.
-
สำนักงานกองทุนเงินทดแทน. (2565). การวิเคราะห์อุบัติเหตุที่อับอากาศและแนวทางป้องกันที่มีประสิทธิภาพ