Home » กลไกในการป้องกันการแพร่กระจายของเพลิงไหม้ในอาคาร PFP (Passive Fire Protection)

กลไกในการป้องกันการแพร่กระจายของเพลิงไหม้ในอาคาร PFP (Passive Fire Protection)

by Shannon Bishop
113 views
1.กลไกในการป้องกันการแพร่กระจายของเพลิงไหม้ในอาคาร PFP (Passive Fire Protection)

ระบบ PFP (Passive Fire Protection)

ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นกลไกในการจำกัดหรือป้องกันการแพร่กระจายของเพลิงไหม้ในอาคารเพื่อให้มั่นใจได้ว่าพื้นที่ต่างๆ ในอาคารนั้นถูกแยกส่วนระหว่างพื้นที่เพลิงไหม้และพื้นที่ปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

นี้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระบบการหลบหนีเพลิงที่เป็นมาตรฐาน เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถหลบหนีออกจากอาคารได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยในกรณีเครื่องกีดขวางเพลิงเกิดขึ้น

ผนังและแผนกั้นกันไฟเพลิงเป็นส่วนสำคัญของระบบ PFP

โครงสร้างเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเพลิงไหม้และควัน โดยมีหลักการดำเนินการ คือ การกีดขวางเพลิงไหม้และควันที่คาดเดาไม่ได้ ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับระบบ PFP รวมถึงระดับการกันไฟ ความหนาของผนัง ฉนวนกันความร้อน และวัสดุที่ใช้ ประกอบด้วย

2. PFP โครงสร้างเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเพลิงไหม้และควัน

1. ระดับการกันไฟ

การกันไฟขั้นต่ำสำหรับโครงสร้างเชิงพาณิชย์จำนวนมากต้องรับมาตรฐานที่มีระยะเวลาการกันไฟอย่างน้อย 60 นาที แต่บางบริษัทหรือโครงสร้างมาตรฐานสูงอาจมีกำแพงที่มีระดับการกันไฟสูงกว่านี้ อาจถึง 240 นาที ซึ่งเป็นเกราะกั้นที่สำคัญสำหรับการอพยพและการดับเพลิง

2. ความหนา

ผนังที่ใช้ในระบบ PFP มักมีความหนาอย่างน้อย 5/8 นิ้วเพื่อความแข็งแรงและความปลอดภัย

3. ฉนวนกันความร้อน

บางส่วนของผนังในระบบ PFP อาจมีการใช้ฉนวนใยหินหรือไฟเบอร์กลาสเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อน

4. วัสดุ

แผ่นผนังโดยทั่วไปถูกสร้างขึ้นโดยใช้ยิปซั่มหรือแมกนีเซียมออกไซด์และเสริมด้วยใยแก้วเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ยังมี Fire Batts ที่เป็นบล็อกฉนวนที่ทำจากใยหินที่ใช้เพื่อปิดช่องว่างในผนังหรือพื้น ยาแนวกันไฟช่วยป้องกันควันและไฟจากการเจาะผนังเพื่อฉีดยาแนวเข้าไป

เกราะป้องกันเหล่านี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงการวางแผนสถาปัตยกรรมที่พิถีพิถันและมีบทบาทสำคัญในการควบคุมเพลิงไหม้ทุกรูปแบบ การแบ่งพื้นที่อย่างเหมาะสมช่วยยืดอายุความสมบูรณ์ของโครงสร้างของอาคาร และทำให้มั่นใจได้ว่าเส้นทางอพยพยังคงชัดเจน ปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในอาคาร ประตูหนีไฟและหน้าต่างในระบบ PFP (Passive Fire Protection)

หลักการทำงาน

ประตูหนีไฟและหน้าต่างในระบบ PFP ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของไฟและควันในกรณีเกิดเพลิงไหม้ในอาคาร ประตูหนีไฟทำหน้าที่เป็นแผงกั้นไฟเมื่อปิดไว้ และในกรณีเหตุฉุกเฉินเป็นป้อมปราการป้องกันเปลวไฟและควันที่กำลังลุกลาม

3. ประตูหนีไฟสามารถมีระดับการทนไฟได้หลากหลาย โดยมีระดับความต้านทานต่างๆ

ข้อมูลที่สำคัญ

ระดับการกันไฟ

ประตูหนีไฟสามารถมีระดับการทนไฟได้หลากหลาย โดยมีระดับความต้านทานต่างๆ เช่น FD30 (ความต้านทาน 30 นาที) ถึง FD120 (ความต้านทาน 120 นาที) ซึ่งระบุระยะเวลาที่ประตูสามารถคงทนต่อไฟ

แถบ Intumescent

แถบ Intumescent มักถูกฝังอยู่ภายในกรอบของประตู โดยเมื่อถูกโดนความร้อน แถบนี้จะขยายตัวและปิดช่องว่างระหว่างประตูกับขอบประตู ทำให้ไฟไม่สามารถเล็ดลอดไปยังภายนอกและไม่ส่งออกซิเจนไปเป็นเชื้อเพลิง

การเคลือบกระจก

ในกรณีหน้าต่าง มีการใช้กระจกกันไฟที่สามารถรักษาสภาพเดิมของหน้าต่างในระหว่างเพลิงไหม้ ซึ่งช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเพลิงไหม้

4.การออกแบบและส่วนประกอบวัสดุหลัก กระจก ส่วนประกอบอื่นๆ

การออกแบบและส่วนประกอบ

วัสดุหลัก

ประตูหนีไฟมักมีแกนแข็งที่ทำจากวัสดุ เช่น ไม้ หรือเหล็ก หรืออาจใช้ยิปซั่มและเหล็กผสมกัน ความหนาแน่นของแกนแข็งและวัสดุส่งผลต่อระดับการทนไฟ

กระจก

กระจกที่ใช้ในหน้าต่างเป็นกระจกกันไฟ เช่น กระจกที่ผสมเซรามิกหรือใช้สายไฟ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเพลิงไหม้

ส่วนประกอบอื่นๆ

บานพับ ตัวล็อค และที่จับจะทำจากวัสดุที่ทนทานและไม่ติดไฟ ผ่านการทดสอบแล้วว่าทนทานต่ออุณหภูมิสูงโดยไม่เกิดข้อผิดพลาด

5. การป้องกันอัคคีภัยเชิงรับ (PFP)

การป้องกันอัคคีภัยเชิงรับ (PFP) จะมีความสามารถในการควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายของไฟและควันโดยอยู่กับที่ โดยไม่ต้องมีการเปิดใช้งานเมื่อไม่มีเหตุฉุกเฉิน เป็นการป้องกันแบบถูกแต่งตั้งล่วงหน้าและไม่ต้องมีการเคลื่อนไหวหรือเปิดใช้งานจากอุปกรณ์อื่นๆ ในการทำงานอย่างต่อเนื่อง

6. การป้องกันอัคคีภัยเชิงรุก (AFP)

ในทางกลับกัน การป้องกันอัคคีภัยเชิงรุก (AFP) จะใช้ระบบไดนามิกที่ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจจับ แจ้งเตือน และระงับหรือดับไฟโดยตรงเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ระบบเหล่านี้จำเป็นต้องมีการเปิดใช้งานด้วยตนเองหรืออัตโนมัติเมื่อต้องการ มีการตรวจสอบและบำรุงรักษาเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของระบบ AFP

สรุป

กลไกของ Passive Fire Protection (PFP) เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในอาคารที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุดจากเพลิงไหม้ การเลือกใช้และติดตั้งวัสดุที่ทนไฟ รวมถึงการวางแผนระบบป้องกันอัคคีภัยที่ดี จะช่วยให้สามารถควบคุมและลดความเสี่ยงจากเพลิงไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การป้องกันการแพร่กระจายของไฟไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสียหายต่อทรัพย์สิน แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการช่วยชีวิตและความปลอดภัยของผู้ใช้อาคารในสถานการณ์ฉุกเฉิน

นอกจากการใช้กลไฟ Passive Fire Protection (PFP) แล้วในสถานประกอบการ หรืออาคารที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากอย่าง ห้าง คอนโด ตึกที่พักควรมีการจัดอบรมดับเพลิงขั้น ให้พนักงาน และลูกบ้านเพื่อให้ฝึกการใช้ถังดับเพลิง และซ้อมอพยพ ให้รู้เส้นทางการหนีเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นจริงสามารถปฏิบัติได้ถูกต้อง ช่วยระบายคนออกจากอาคารได้เร็วยิ่งขึ้น

แนะนำบริการอบรมดับเพลิงขึ้นต้น มืออาชีพ จากเซฟตี้เมมเบอร์ พร้อมมอบวุฒิบัตรให้กับผู้เข้าอบรมสมัครวันนี้ลดทันที 40%  อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์ : อบรมดับเพลิงขั้นต้น

ติดต่อ : (064) 958 7451

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับเรา

แหล่งรวมความรู้ความปลอดภัยในการทำงานที่คุณสามารถอ่านได้ฟรี และนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

บทความล่าสุด

©2024  Designed and Developed by Meredithmandel